วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Good Strategy and Bad Strategy

แนวคิด
Richard Rumelt เป็นศาสตราจารย์ประจำที่ UCLA's Anderson School of Business เขียนหนังสือ Good Strategy/Bad Strategy: The Difference and Why it Matters ในปีค.ศ.2011 ชี้ให้เห็นความแตกต่างของพลังของกลยุทธ์ที่ดีและกลยุทธ์ที่ไม่ดีสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรที่ประสบความสำเร็จและองค์กรทั่วๆไปอย่างไร เนื้อหาของหนังสือยกตัวอย่างกลยุทธ์ที่หลากหลายทั้งทั้งทางธุรกิจและการทหารเพื่อช่วยผู้อ่านหลีกเลี่ยงกลยุทธ์ไม่ดี และใช้กลยุทธ์ที่ดีที่อยู่บนพื้นฐานการแก้ปัญหาที่องค์กรเผชิญด้วยการลงมือทำที่สอดคล้อง แนวคิดดังกล่าวสามารถนำใช้ได้ทั้งองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน

องค์ประกอบ
Richard Rumelt อธิบายว่าแก่นแท้ของกลยุทธ์ที่ดีต้องประกอบด้วย การวินิจฉัย (Diagnosis) แนวนโยบาย (Guiding Policy) การมือทำที่สอดคล้อง (Coherent Action)
Diagnosis หมายถึงการวินิจฉัยความท้าทายในการแข่งขัน องค์ประกอบนี้สามารถทำได้โดยการวิเคราะห์สถานการณ์ภายนอกและภายในองค์กร
Guiding Policy หมายถึงแนวนโยบายในการจัดการความท้าทายในการแข่งขัน องค์ประกอบนี้สามารถทำได้โดย การจัดทำกลยุทธ์ (Strategy Formulation)  ผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็นกลยุทธ์ระดับองค์กร ระดับธุรกิจ หรือ ระดับหน่วยงาน เป็นกรอบการทำงานที่องค์กรพึงปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายองค์กร
Coherent Action หมายถึงชุดของการลงมือทำที่สอดคล้องกัน องค์ประกอบนี้สามารถทำได้โดยนำกลยุทธ์ไปดำเนินการ (Strategy Implementation) โดยทุ่มเททรัพยากรไปที่เป้าหมายเดียวกันทั่วทั้งองค์กรภายใต้แนวนโยบายที่ตอบสนองต่อการแข่งขัน

Rumelt กล่าวว่า Bad Strategy มักมองข้ามรายละเอียดของปัญหา ละเลยกับพลังของการเลือกและการมุ่งเน้น และมีเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน (เป้าหมายที่ต้องการบรรลุหลายเป้าหมาย ละเลยความสามารถที่แท้จริงขององค์กร ทำหลายอย่างโดยไม่ม่งเน้นที่ทรัพยากรที่เป้าหมายสำคัญ ยึดทำตามแบบฟอร์มคือ Mission, Vision และ Objective ติดตามความท้าทายที่ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กร มีกลยุทธ์และกิจกรรมไม่สอดคล้อง

การนำไปใช้งาน
Rumelt  อธิบายว่า Good Strategy ให้ความสำคัญกับการลงมือทำที่สอดคล้องกับความสามารถ เช่น บริษัท Apple ไม่ได้สนใจเป้าหมายการทำรายได้และการทำกำไรมากนัก แต่ให้ความสนใจกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ง่ายและตอบสนองชีวิตยุคดิจิทัล Walmart ให้ความสนใจกับการเป็นร้านค้าขายปลีกขนาดใหญ่ตามหัวเมือง และ มีระดับสินค้าคงคลังต่ำ นั่นคือมีระบบโลจิสติกส์และระบบ JIT นอกจากนี้องค์กรที่มี Good Strategy มักม่งเน้นพลังและทรัพยากรไปที่วัตถุประสงค์ที่สำคัญและเป้าหมายเดียวในเวลาเดียวกัน

หน้าที่ของผู้นำคือ ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ดีที่เกิดประโยชน์สูงสุด ออกแบบวิธีการจัดการความรู้ ทรัพยากรและพลังเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ชนะอุปสรรคหรือความท้าทายที่องค์กรเผชิญ

ที่มา Richard Rumelt, Good Strategy and Bad Strategy: The Difference and Why It Matters,



ไม่มีความคิดเห็น: