วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Industry Life Cycle

แนวคิด
วัฏจักรอุตสาหกรรม (Industry Life Cycle) แสดงการวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมตามระยะเวลาคล้ายกับชีวิตมนุษย์มี เกิด เติบโต เป็นผู้ใหญ่ ชราภาพ และตาย วัฏจักรอุตสาหกรรมซึ่งแสดงด้วยยอดขายของผลิตภัณฑ์ เริ่มชึ้นเมื่อมีผู้เสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในอุตสาหกรรม ยอดขายยังไม่มากเพราะมีความไม่แน่นอนหลายอย่าง อาทิ  ลูกค้ายังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ จากนั้นยอดขายก็จะเพิ่มขั้นอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ได้รับการพัฒนาและมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นเพราะตลาดมีความต้องการสูงขึ้น  จากนั้นยอดขายจะเติบโตช้าลง เพราะตลาดอิ่มตัวและในที่สุดผลิตภัณฑ์ก็หายไปอุตสาหกรรม วงจรชีวิตอาจใช้เวลานานหลายเดือนหลายปีทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะและการแข่งขันทางธุรกิจ

วัฏจักรอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ละช่วงเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งรูปแบบการแข่งขัน ยอดข่าย ผลกำไร และนวัตกรรม เมื่อวงจรชีวิตใกล้จบลงนวัตกรรมอาจช่วยหยุดการตกต่ำและชุบชีวิตใหม่ แต่ละช่วงเวลาของวัฏจักรต้องการความเชียวชาญต่างกัน เช่น ช่วงเริ่มต้นต้องการความสามารถในการสร้างนวัตกรรม ต่อมาจะเป็นงานด้านวิศวกรรมและงานด้านการตลาดเพราะต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ถัดไปการควบคุมการเงินและประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญเพราะต้องการให้ต้นทุนต่ำเพื่อได้เปรียบในการแข่งขัน

วัฏจักรมีความสำคัญต่อการกำหนดกลยุทธ์ แต่ละช่วงชีวิตต้องการกลยุทธ์ที่ต่างกัน เช่น ช่วงที่ตลาดมีการแข่งขันสูง กลยุทธ์ต้นทุนต่ำอาจจำเป็นเพราะต้องการแข่งขันด้านราคา หรือกลยุทธ์สร้างความแตกต่างอาจจำเป็นเพื่อสร้างเอกลักษณ์ กลยุทธ์มุ่งเน้นนวัตกรรมอาจจำเป็นในช่วงที่วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์สิ้นสุดอายุ

องค์ประกอบ

แกนนอนแสดงระยะเวลา แกนตั้งแสดงยอดขายหรือมูลค่าที่อุตสาหกรรมผลิตได้ วัฏจักรอุตสาหกรรมแบ่งวงจรชีวิตเป็น 4 ระยะคือระยะเริ่มต้น (Introduction) ระยะเติบโต (Growth) ระยะอิ่มตัว (Maturity) ระยะตกต่ำ (Decline)

รูป Industry Life Cycle
Source: wikipedia
ระยะเริ่มต้น ()ntroduction)
ระยะเริ่มต้นเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด ผู้ริเริ่มอาจเป็นรายแรกหรือธุรกิจเดิมที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และผู้เข้าร่วมอุตสาหกรรมมีจำกัด แนวโน้มความต้องการของลูกค้ายังไม่ชัดเจน ผู้บริโภคสินค้าจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ในขณะกันผู้ผลิตก็เรียนรู้ในการพัฒนาและขายผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมยังกระจัดกระจาย ผู้เข้ามาในอุตสาหกรรมยังไม่สามารถทำกำไรเพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการพัฒนาและทำการตลาดสูงกว่ารายได้ที่ได้รับ
กลยุทธ์ธุรกิจทีองค์กรใช้ในระยะเริ่มต้นจะเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Focus) ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ การตลาดจะสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นรายแรกๆ การสร้างการรับรู้เรื่องคุณภาพหรือเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งจำเป็น เช่น Apple สร้าง Think Different เพื่อปลูกฝังให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่แตกต่่่างด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หรูและเรียบง่ายและมีสไตล์ทันสมัย
ในระยะเริ่มต้นการเงินจะติดลบเพราะค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและการตลาดจะสูง เมื่อยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วก็จะเข้าสูงช่วงระยะเติบโต องค์กรในระยะเริ่มต้นเมื่อรวมกลุ่มกันจะสามารถลดต้นทุนในการใช้ทรัพยากรและการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ใน Silicon Valley มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

ระยะเติบโต (Growth)
ผู้บริโภคในอุตสาหกรรมใหม่เข้าใจคุณค่าของผลิตภัณฑ์ใหม่และความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คู่แข่งเริ่มชัดเจนและแข่งขันเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด กำไรไม่ใช่สิ่งสำคัญลำดับแรกเนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาและการตลาดสูง กลยุทธ์ในระยะเติบโตนี้มักใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อมีคู่แข่งรายราย มักแข่งที่ราคา ในระยะนี้มีการการขยายพื้นที่การขายสินค้าและบริการเป็นเรื่องปกติ เมื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดในอนาคตที่สดใส บริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ตลาดผ่านการซื้อกิจการหรือการพัฒนาภายใน ระยะเติบโตยอดขายจะเติบโตเป็นเส้นโค้งที่ชันมาก และเมื่อเติบโตช้าลงจะเข้าสู่ระยะอิ่มตัว ช่วงระยะเติบโตอาจมีระยะเวลานาน เช่น อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ที่มีการปรับปรุงชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์มีการปรับเอร์ชั่นตลอดเวลาให้มีสมรถนะสูงขึ้น

ระยะอิ่มตัว (Maturity)
ระยะการเจริญเติบโตเริ่มหายไป การเจริญเติบโตในระยะนี้ชะลอ การลดค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพเป็นเริ่องสำคัญ เกิดการควบรวมกิจการเพิ่มขึ้น บริษัทใหญ่ที่มีการประหยัดต่อขนาดขัดขวางการเติบโตของคู่แข่งขันที่มีขนาดเล็ก เมื่อตลาดอิ่มตัวและภูมิทัศน์ทางการแข่งขันจะชัดเจนขึ้น ส่วนแบ่งการตลาดและกระแสเงินสดกลายเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท การเติบโตนั้นมีความสำคัญน้อยกว่าการแข่งขันด้านราคาเนื่องจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ลดลง ในทางปฏิบัติระยะนี้ยอดขายมักขึ้นอยู่กับการเติบโตของสภาพเศรษฐกิจ เป็นหลัก ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่อิ่มตัวเช่น ผงซักฟอก ซึ่งมีผู้แข่งขันรายใหญ่ไม่กี่ราย และอาจใช้กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยสูตรใหม่ หรือรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ใหม่

ระยะตกต่ำ (Decline)
ระยะตกต่ำแสดงยอดขายและรายได้ที่ลดลง เป็นการแสดงถึงจุดสิ้นสุดของการเติบโตของอุตสาหกรรม ความล้าสมัยและการสิ้นสุดของตลาดส่งผลกระทบต่อความต้องการซึ่งส่งผลให้รายได้ลดลง สิ่งนี้ทำให้เกิดความกดดันต่อกำไรและมีผลทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอออกจากอุตสาหกรรม การควบรวมเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติ ผู้เล่นในอุตสาหกรรมแสวงหาความร่วมมือกันและการได้รับผลประโยชน์จากขนาดของการผลิต การตกต่ำส่งสัญญาณถึงจุดจบของธุรกิจ ผลักดันให้ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมมองหาตลาดที่เกี่ยวเนื่อง ระยะตกต่ำอาจชะลอด้วยการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม

การนำไปใช้งาน
วัฎจักร์มีผลต่อการกำหนดกลยุทธ์ บริษัทในอุตสาหรรมเดียวกันอาจอยู่ในวัฎจักรที่แตกต่างกันขึ้นกับลักษณะผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การแข่งขัน บางบริษัทยืดเวลาของผลิตภัณฑ์เดิมโดยนำไปขายในตลาดใหม่หรือสร้างนวัตกรรมด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่โดยการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงรูปโฉมและลักษณะใช้งาน บางบริษัทวางแผนออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท Apple เสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเมือวงจรชีวิตของสินค้าเดิมเริ่มตกต่ำ เช่นเสนอสินค้าและบริการใหม่อย่างต่อเนื่องโดยผลิต iPod, iTune, iPhone, iPad, iCloud ตามลำดับ

ที่มา 1) Stephen Cummings and Ducan Angwin Strategy Builder: How to create and communicate effect strategies, Wiley, 2015 2) www.investopedia.com/terms/i/industrylifecycle.asp

 3) https://www.inc.com/encyclopedia/industry-life-cycle.html

ไม่มีความคิดเห็น: